บทความ

5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

สวัสดีทุกคนนน ช่วงวันคริสต์มาสแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ตกแต่งต้นคริสต์มาสในบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยไฟสวย ๆ และเอนจอยไลฟ์กับอากาศชิลล์ ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าเทศกาลคริสต์มาสเองก็มีสิ่งที่ถูกทำต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นประเพณีประจำวันคริสต์มาสไปแล้ว! วันนี้เราจะพาไปดูกันว่ามีประเพณีวันคริสมาสอะไรบ้าง และประเพณีคริสต์มาสเหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะอะไร ตามมาเล้ยยย ต้องบอกก่อนว่าวันคริสต์มาสเนี่ย เป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองวันเกิดของจีซัส (Jesus) หรือพระเยซูเจ้า ที่เชื่อกันว่าเป็นลูกชายของพระเจ้านั่นเอง ถือว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์เลยแหละ ในต่างประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาคริสต์เยอะ ๆ ก็จะถือว่าตั้งแต่ช่วงวันคริสต์มาสอีฟไปจนถึงปีใหม่ จะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ต้องหยุดงาน เพื่อให้ชาวคริสต์ได้กลับไปใช้ชีวิต พบปะ สังสรรค์และได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวของพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญแห่งปีแบบนี้ และแน่นอนว่าวันคริสต์มาสก็ทำให้เกิดประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติเยอะแยะมากมาย อย่างการห้อยถุงเท้า, การกินพาย และการแลกของขวัญ แต่ละสิ่งมีความสำคัญอย่างไร ไปดูกันดีกว่า 1. ห้อยถุงเท้ายาวไว้หน้าเตาผิง เมื่อถึงเวลาของวันคริสต์มาสอีฟ ประเพณีวันคริสมาสที่เด็ก ๆ มักจะทำเสมอก็คือการนำถุงเท้ายาวไปห้อยไว้ที่หน้าเตาผิง หรือที่ต้นคริสต์มาส เพราะเชื่อกันว่าซานตาครอสจะนำของขวัญที่อยากได้มาใส่ไว้ในถุงเท้าเหล่านี้นั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วประเพณีวันคริสมาสนี้เกิดขึ้นจากประเพณีเก่าแก่อย่างหนึ่งนั่นคือ การวางหญ้าแห้งไว้ในรองเท้าในคืนวันที่ 5 ธันวาคม เพราะเชื่อว่าหากนักบุญนิโคลัสผ่านมา หญ้าแห้งที่พวกเขาทิ้งไว้ก็จะกลายเป็นอาหารของลาที่ท่านใช้ในการสัญจร และนักบุญนิโคลัสก็จะทิ้งเหรียญเงินเอาไว้ให้ในรองเท้าเป็นการตอบแทน และมีเรื่องเล่าว่าบ้านหลังหนึ่งมีหญิงสาวสามคนเป็นพี่น้องกันและยากจนมาก นักบุญนิโคลัสก็ทิ้งเหรียญทองไว้ให้ คืนหนึ่งพวกเธอเอาถุงเท้าทีม่ีเหรียญทองไปตากให้แห้งตรงปล่องไฟ เมื่อซาตาครอสเข้ามาจึงทิ้งเหรียญทองไว้ให้มากมาย หลังจากนั้นมาเด็ก ๆ จึงห้อยถุงเท้ายาวไว้ที่เตาผิงไฟ เพราะหวังว่าหากซานตาครอสผ่านมาRead More

-->

รวม 15 คําอวยพรวันคริสต์มาส ภาษาอังกฤษ

  รวม 15 คําอวยพรวันคริสต์มาส ภาษาอังกฤษ พร้อมคําแปลภาษาไทยส่งให้เพื่อนและคนรักกันค่ะเมื่อ เทศกาลคริสต์มาส จะมาถึง หลาย ๆ คนโดยเฉพาะชาวคริสต์ ก็ถึงเวลาจะต้องเขียนคำอวยพรวันคริสต์มาสส่งถึงญาติ เพื่อน ๆ และคนรู้จักกันแล้ว และตอนนี้เชื่อว่าคงจะมีหลายคนที่ยังคิดคำอวยพรไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยคำไหนดีแน่นอน วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอรวบรวม คําอวยพรวันคริสต์มาส ภาษาอังกฤษ พร้อมกับคำแปล มาฝากกันค่ะ  You are special, you are unique.May your Christmas be also as special and unique as you are !Merry Christmas ! คุณเป็นคนพิเศษ คุณไม่เหมือนใครขอให้คริสต์มาสของคุณพิเศษแบบไม่เหมือนใครอย่างที่คุณเป็นสุขสันต์วันคริสต์มาส  +++++++++++++++++++++++  Here’s wishing you all the joys of the season.Wish you and your family aRead More

-->

เรื่องเล่าในตำนาน กำเนิดซานตาคลอส วันคริสต์มาส

ซานตาคลอส (santa claus) เป็นบุคคลที่มีจุดกำเนิดทางตำนาน เทพปกรณัม ประวัติศาสตร์และตำนานพื้นบ้านตามวัฒนธรรมตะวันตกหลายประเทศ กล่าวกันว่าเขาเป็นผู้นำของขวัญไปยังบ้านของเด็กดีในช่วงเย็นและข้ามคืนวันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธันวาคม ต้นกำเนิดที่แท้จริงของ ซานต้า! เรื่องของเรื่องมีว่ามีเด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านไมรา ซึ่งสมัยก่อนโน้นตั้งอยู่ระหว่างเกาะโรดส์กับไซปรัส ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในตุรกี สมัยยุคศตวรรษที่ 4 ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมล่องเรือสำราญชื่นชมบรรยากาศ เด็กชายคนนี้มีชื่อว่า “นิโคลัส” (เซนต์นิโคลัส แห่ง ไมรา ( Saint Nicholas of Myra ) )  ชีวิตของเขาอยู่บนกองเงินกองทองเพราะพ่อแม่อยู่ในขั้นคหบดี สงสัยจะทำบุญมาแต่ชาติปางก่อนแต่ทว่าในความโชคดี ก็ย่อมมีความโชคร้าย ไม่ช้าไม่นานพ่อแม่ก็ถึงแก่กรรม ทรัพย์สินจึงตกเป็นของเขาเพียงผู้เดียว แต่น่าแปลกที่นิโคลัสกลับมีใจโอบอ้อมอารีต่อคนยากคนจน  ชอบแจกสมบัติช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรืออาจจะพบสัจธรรมที่ว่า แท้จริงแล้วเงินทองก็คือสิ่งสมมุติ ความสุขทางใจมีค่ามากกว่า เพราะมันประเมินมิได้ ครั้งนั้นมีครอบครัวของชายชราคนจนครอบครัวหนึ่ง กำลังมีปัญหาด้วยบุตรสาวทั้งสามต้องการแต่งงานแต่ไม่มีเงินจัดพิธีให้สมเกียรติ  ครอบครัวนี้จึงตกอยู่ในความทุกข์อย่างหนักเมื่อนิโคลัสทราบข่าวจึงนำทองคำใส่ถุง 2ถุง แอบย่องเข้าไปวางไว้ในบ้านของชายยากจนยามดึกสงัด ทำให้ 2สาวได้จัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตสมความปรารถนา ต่อมาก็ถึงเวลาของบุตรสาวคนสุดท้องบ้าง นิโคลัสก็นำถุงทองแอบมาหย่อนลงทางปล่องไฟในยามค่ำคืนเหตุที่ต้องใช้ปล่องไฟเพราะคืนนั้นหน้าต่างปิดสนิทหมดทุกด้าน จากพฤติกรรมของนิโคลัสเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่เด็ก ๆ ในสมัยต่อมาแอบนำของขวัญวางไว้ที่เตียงนอนของลูก ๆ ในตอนกลางคืน แล้วบอกว่าซานตาคลอสนำของขวัญมามอบให้ กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่ยกย่องซานตาคลอสให้ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเด็กๆ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน “ซินเตอร์คลาส” คำว่า Santa Claus นั้นมาจากภาษาดัชต์ว่า Sinterklass นั่นก็คือชื่อ เซนต์นิโคลัส นั่นเอง ที่เด็กๆ อ่านเพี้ยนมาเป็นภาษาอังกฤษว่า ซานตาคลอส ในที่สุด และเรื่องของ เซนต์นิโคลัส ก็ได้ถูกเล่าขานต่อกันมา จนถึงทวีปอเมริกา ซึ่งการแต่งกายของซานตาในยุคนั้น จะมีโทนสีเขียวแก่Read More

-->

5 เพลงคริสต์มาสสุดเพราะ ฟังสบาย หลากหลายแนว

อีกแค่วันเดียวก็ใกล้จะถึงวันสำคัญทั่วโลก อย่างคริสต์มาสแล้ว ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี หลายคนต่างก็อยู่บ้านกับครอบครัว และมีการเฉลิมฉลอง รับประทานอาหารร่วมกัน ช่วงนี้ก็ต้องหาเพลงให้เข้ากับเทศกาลกันหน่อย สำหรับใครที่กำลังหาลิสต์เพลง ว่าจะฟังอะไรดี ทางเราก็ได้ทำการรวบรวมเพลงคริสต์มาสเพราะๆ มาให้ได้ฟังกันถึง 10 เพลง จะเป็นเพลงอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 1 All I Want For Christmas Is You – Mariah Carey เพลงยอดฮิตตลอดกาลทั่วบ้านทั่วเมือง ที่พอถึงเดือนธันวาเมื่อไหร่ หลายคนก็พร้อมใจกันเปิดเพลงนี้ จนทำให้ยอดเพลงพุ่งขึ้นทุกครั้ง กลายเป็นเพลงประจำของเทศกาลไปซะแล้ว 2 Last Christmas – Wham! เพลงเก่า ที่ Ariana Grande นำมาร้องใหม่ในแบบฉบับของเจ้าตัวอีกครั้ง ก็ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีเลยทีเดียว ซึ่งเดิมทีเพลงนี้ก็ดังมากๆ อยู่แล้วด้วย 3 This Christmas Day – Jessie J เพลงสุดหวาน ความหมายดี ของตัวแม่อย่างเจสซี่ เจ ก็เพราะมากไม่แพ้กัน 4 White Christmas –Read More



-->

11 สัญลักษณ์วันคริสต์มาสมีความหมายและที่มาแบบนี้

พูดถึงวันคริสต์มาสเราจะนึกถึงอะไรคะ อย่างแรกเลย ก็ต้องเป็น ลุงซานตาสวมชุดแดงหิ้วถุงของขวัญ หรือไม่ก็ต้นคริสต์มาสใหญ่ๆ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า ทำไมต้นคริสต์มาส ต้องใช้ต้นสน และของตกแต่งบนต้นวันคริสต์มาส อย่างดาว ระฆัง ถุงเท้า หรือลูกกลมๆ เหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร วันนี้ทีนเอ็มไทยจะพาไปหาคำตอบกัน 11 สัญลักษณ์วันคริสต์มาส ต้นคริสต์มาส ย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก และอีกเหตุผลที่ใช้ต้นสนก็เพราะว่ามันหาง่าย ในสมัยโบราณนั้นต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส TheRead More

-->

7 จานเด็ด เทศกาลคริสต์มาสจากรอบโลก วันนี้เขากินอะไรกัน?

     สำหรับอาหารในเทศกาลเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสนั้น ที่เรารู้กันดีว่าต้องมี ก็คือ “ไก่งวงอบ” เป็นพระเอกของโต๊ะนั่นเอง โดยชาวตะวันตกจะมีธรรมเนียมให้ชายผู้อาสุโสที่สุดของบ้าน เป็นคนตัดแบ่งไก่งวงให้แก่สมาชิกทุกคน บางบ้านอาจไม่ทำไก่งวงอบ แต่จะทำไก่งวงย่าง (Roast Tom Turkey King David) แทนก็ได้ ส่วนของหวานสุดฮิตจะเป็น “คริสต์มาสพุดดิ้ง” หรือก็คือเค้กผลไม้นั่นแหละครับ แต่พิเศษตรงที่ใช้วิธีนึ่งแทนการอบแบบปกติ เมื่อถึงเวลายกเสิร์ฟจะมีการราดบรั่นดีเล็กน้อย แล้วจุดไฟเพื่อเพิ่มความหอมให้กับพุดดิ้ง      และในค่ำคืนนี้ เขาจะมีเครื่องดื่มสุดพิเศษประจำเทศกาล ได้แก่ “คริสต์มาสไวน์” ถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมในเทศกาลวันคริสต์มาสเช่นนี้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ในวันคริสต์มาสของทุกปีนั้นอยู่ในช่วงหน้าหนาว ชาวตะวันตกจึงนิยมดื่มไวน์ เพราะถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ในขณะที่อังกฤษเองนอกจากดื่มไวน์แล้ว ยังมี “วาสเซล” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มร้อนที่ผสมแอลกอฮอล์และเครื่องเทศ ไว้สำหรับดื่มในเทศกาลวันต์มาสนี้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย      นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมด้านอาหารในเทศกาลคริสต์มาสที่แต่ละประเทศมีไม่เหมือนกันด้วย เมนูประเทศไหนเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย 1. risalamande      เริ่มกันที่เดนมาร์ก เริ่มต้นด้วยของหวานจานเด็ดที่มีชื่อว่า Risalamande ซึ่งชาวเดนิชรับประทานกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนเป็นประเพณีสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องประหลาดมาก ถ้าใครผ่านเทศกาลคริสต์มาสไปโดยไม่ได้กินเมนูนี้  Read More

-->

อาหารประจำเทศกาลวันคริสต์มาส อาหารนานาชาติจานเด็ด

ภาพแห่งความสุขที่เรามักจะเห็นกันจนชินตาของเทศกาลวันคริสต์มาส คงหนีไม่พ้นภาพของครอบครัวใหญ่ที่ร่วมรับประทานอาหารนานาชนิดกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีอาหารจานหลักเป็น “ไก่งวง” แต่อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์จริงๆแล้ว ไก่งวงเป็นอาหารใหม่ที่เข้ามาในประเทศอังกฤษราวๆร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว แต่ก่อนพวกฝรั่งเขาเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสด้วยอาหารมื้อค่ำแบบไหนกันนะ มาหาคำตอบไปด้วย กันดีกว่า เมนูอาหารวันคริสต์มาสนั้นมีมากมายหลากหลายชนิดมากครับ ขึ้นอยู่กับในแต่ละภูมิประเทศ เพราะฉะนั้น อาหารจานเด็ดเด่นๆ ของแต่ละชนชาติจึงมีความแตกต่างกันออกไป ดังนี้ เบลเยี่ยม ฉลองกันด้วย “Cougnou” หรือ เป็นที่รู้จักกันดีในนาม ขนมปังของพระเยซู ซึ่งเป็นขนมปังหวานที่มีรูปร่างเหมือนเด็กทารก ประกอบไปด้วย แป้ง ไข่ นม ยีสต์ ลูกเกด และน้ำตาล โดยปกติแล้ว ขนมปังนี้จะถูกแจกจ่ายให้กับเด็กๆในเบลเยี่ยม ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ออสเตรเลีย รับประทาน ขนมปังขิงรูปทรงต่างๆตามเทศกาลคริสต์มาสต์ โดยส่วนประกอบหลักๆทำมาจากขิง และใช้น้ำผึ้ง หรือกากน้ำตาลแทน น้ำตาลทราย ขนมปังขิงมีหลากหลายแบบ ตั้งแต่เนื้อนิ่มเหมือนเค้ก จนไปถึงบิสกิต นอกจากนี้ ยังมีอีกเมนูหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ไวท์คริสต์มาส มีส่วนผสม ได้แก่ ผลไม้รวม ลูกเกด มะพร้าว น้ำตาลไอซ์ซิ่ง แป้งนมRead More

-->

ฉลองคริสมาสต์อย่างออสซี่

ออสซี่จะฉลองคริสมาสต่างๆกันไปเพราะออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันเนื่องมาจากประชากรของออสเตรเลียนั้นมาจากหลายประเทศทั่วโลก อีกทั้งวันคริสมาสเป็นช่วงฤดูร้อนของออสเตรเลีย บรรยากาศในการเฉลิมฉลองจึงแตกต่างไปจากประเทศทางยุโรปไปบ้าง ในขณะที่ประเทศอื่นๆฉลองคริสมาสท่ามกลางหิมะสีขาวและหนาวเย็น แต่เนื่องจากที่ออสเตรเลียเป็นหน้าร้อน ออสซี่จึงฉลองกันใต้ท้องฟ้าสีครามสดใส อาหารในวันคริสมาสก็เป็นบาร์บีคิวกันเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะอาหารทะเลจะนิยมมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงสลัดและขนมเย็นๆต่างๆ บ้างก็ฉลองกับครอบครัวที่บ้าน บ้างก็ไปฉลองกันตามสวนสาธารณะ หรือตามชายหาดกัน บ้านเรือนต่างๆเริ่มมีการตกแต่งด้วยไฟและแสงสีต่างๆมากขึ้นไม่เฉพาะแต่เพียงการตกแต่งต้นคริสมาสในบ้าน หลายๆบ้านทำการตกแต่งทั้งบ้านด้วยไฟคริสมาสให้คนอื่นๆได้ไปดูกัน อีกทั้งมีการประกวดประชันกันด้วย ดังนั้นคืนก่อนวันคริสมาส จะมีผู้คนมากมายขับรถไปชมแสงสีตามบ้านเรือนต่างๆอย่างสนุกสนาน ค้นหาที่อยู่บ้านที่ประดับประดาไฟคริสมาสอย่างสวยงามในทุกรัฐได้ที่นี่ Christmas Light Display ตามปกติแล้วออสซี่จะไม่ฉลองวันคริสมาสอีฟหากแต่จะฉลองกันในวันคริสมาสทีเดียวเลย แต่สำหรับในเมืองใหญ่มีความพยายามที่จะรักษาขนบธรรมเนียมการเฉลิมฉลองแบบดั้งเดิม ดังนั้น Carols by Candlelight จึงยังเป็นที่นิยมจัดกันแพร่หลายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ แม้แต่กับคนที่ไม่ใช่เป็นคริสเตียนก็ไปร่วมร้องเพลงคริสมาสด้วยกันได้ ในออสเตรเลีย คริสมาสเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ครอบครัว ญาติๆและเพื่อนฝูงได้เฉลิมฉลองด้วยกันและแลกเปลี่ยนของขวัญกัน วันคริสมาสเป็นเทศกาลให้ของขวัญที่สำคัญสำหรับออสซี่เลยทีเดียว บางบ้านก็จะเปิดของขวัญกันตั้งแต่คืนวันที่ 24 บางบ้านก็จะเปิดของขวัญกันในวันคริสมาสเลย และช่วงบ่ายหลังจากฉลองกับครอบครัวแล้ว ก็มักจะออกไปเยี่ยมเยียนญาติสนิทมิตรสหายกัน เมื่อก่อน วันคริสมาสจะเป็นวันที่เงียบมากเพราะออสซี่มักจะอยู่ฉลองกับครอบครัวที่บ้าน ถนนหนทางจะโล่งไร้ผู้คน ร้านค้าจะปิดเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปมาก ผู้คนออกนอกบ้านกันมากขึ้น ตามหาดต่างๆก็คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ออกไปใช้เวลาพิเศษนี้ด้วยกัน  Boxing Day วันบ๊อกซิ่งเดย์ คือวันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่หลายๆคนรอคอยมาทั้งปีเพราะเป็นวันแห่งการช็อปปิ้งที่ห้างร้านใหญ่ๆจะกระหน่ำลดราคากันชนิดที่ว่าผู้คนต่างไปเข้าแถวรอห้างเปิดกันเลยทีเดียว นอกจากการช็อปปิ้งแล้ว Boxing Day ยังเป็นวันสำคัญของการแข่งขันคริกเก็ตRead More

-->

ตัวจริงของซานตาครอส คือใคร?

สำหรับเทศกาลเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสนั้น ทางประเทศตะวันตกเริ่มฉลองการประสูติของพระเยซู ในวันที่ 25 ธันวาคมมาตั้งแต่ ค.ศ.354 เป็นอย่างช้า เหตุที่เลือกวันนี้ เพราะตรงกับงานฉลองเทพและฤดูกาลในสมัยนั้น เช่น วันเหมายัน ซึ่งดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในจุดใต้สุดในฤดูหนาว และเป็นวันที่กลางคืนยาวกว่ากลางวัน สัปดาห์เฉลิมฉลองของชาวโรมัน งานฉลองเทพเจ้าแซตเทิร์น และการฉลองวันสิ้นปี เป็นต้น ค.ศ. 1645 ชาวอังกฤษผู้เคร่งศาสนากลับให้ถือศีลอดแทนการฉลอง แต่พระเจ้าชาลส์ ที่สองฟื้นฟูเทศกาลคริสต์มาสขึ้นมาอีกครั้ง ใน ค.ศ.1660 การฉลองในรัชสมัยของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียกลายเป็นต้นแบบของงานคริสต์มาส และแพร่หลายไปทั่วโลก ในเวลาต่อมา ตลอดเดือนธันวาคม ร้านรวงส่วนใหญ่จะตกแต่งซุ้มพระกุมารเยซู และที่ขาดไม่ได้คือ ซานตาคลอส ตัวจริงของซานตาครอส คือนักบุญนิโคลัส ซึ่งเป็นบาทหลวงในตุรกีช่วงคริสต์ศตวรรษที่สี่ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องความใจดีโดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมาท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์ในชื่อ “ซินเตอร์คลาส” ราวค.ศ.1870 ชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น “ซานตาคลอส” ตั้งแต่แรกจนถึงค.ศ. 1890 ภาพของซานตาคลอสเป็นชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง เจนนี ไนสตรอม ศิลปินชาวสวีเดน เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของซานตาครอสอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน โดยวาดภาพ   ลงในบัตรอวยพรคริสต์มาส ภาพเหล่านี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เมื่อชาวสวีเดนอีกคนชื่อ แฮดดอน ซันด์บลอม นำภาพวาดของไนสตรอมสวมชุดขาวแดงRead More

-->