9 สถานที่ฉลองคริสต์มาส ที่ดีที่สุดในโลก
ชวนอินเล็กๆ กับเทศกาลฝรั่ง วันคริสต์มาส อีกหนึ่งวัฒนธรรมที่ดังทั่วโลก อย่างเราคงไม่อินบินไปไกล แต่เก็บข้อมูลไว้เพื่อมีสักครั้งที่ได้ไปเยือนประเทศเหล่านี้ กับ 9 สถานที่ฉลองคริสต์มาส ที่ดีที่สุดในโลก
สถานที่ฉลองคริสต์มาส ที่ดีที่สุดในโลก
1. Lapland, Finland
ประเทศฟินแลนด์ ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนมหัศจรรย์ซึ่งเชื่อกันว่ามี ซานตาคลอส ตัวจริงอาศัยอยู่ที่เมือง Rovaniemi ใน แลปแลนด์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปพบเขาและช่วยตระเตรียมขนมปังสำหรับแจกในเทศกาลคริสต์มาส หรือถ้าอยากย้อนความฝันวัยเยาว์ จะขอนั่งตักพี่เค้าด้วยก็ได้นะ ใครไม่ชอบเบียดเสียดกับฝูงชนที่เฝ้ารอซานต้าอยู่หน้าบ้าน ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งให้ไปที่ เมือง Kuusamo และว่ากันอีกว่า ซานต้าผู้นี้สามารถพูด-ฟังได้ทุกภาษา เลยตัดปัญหาภาษาใบ้ ภาษามือไปซะ!
2. Granada, Spain
กรานาดา คือ สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในช่วงคริสต์มาส ของประเทศสเปน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความงดงามของหิมะที่ปกคลุมยอดเขา Sierra Nevada สถานที่ซึ่งเป็นสุดยอดของการเล่นสกี และ พระราชวัง Alhambra อันวิจิตรพิสดารซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเซียรา เนวาดา พร้อมตื่นตาด้วยขบวนพาเหรดสุดแฟนตาซี งานนี้ไม่มีซานต้าก็เอาอยู่
3. Oslo, Norway
ประเทศนอร์เวย์ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ประเทศที่มีหิมะปกคลุมมากที่สุดในโลก ถ้าอยากเห็นกับตาต้องไปสัมผัสและกระโดดสกีที่ Holmenkollen บนเขาออสโลสักครั้ง โดยสามารถนั่งรถไฟใต้ดินไป หรือ จะเดินทางแบบคลาสสิกด้วยกวางลากเลื่อน เป็นกลิ่นไอแบบคริสต์มาสแท้ และอย่าแปลกใจจถ้าเห็นคนแคระเดินเคียงคู่ซานต้า แต่จงรีบอธิษฐานขอพรซะ!
4. New York, USA
คริสต์มาส แห่ง นิวยอร์ค เต็มไปด้วยสีสันแห่งการช้อปที่ไม่สิ้นสุด ความคึกคักสามารถจินตนาการได้จากหนังเรื่อง Home Alone เพราะบรรยากาศใช่เลยยังไงยังงั้น มาเมืองนี้ที่เดียวแต่ได้ฉลองตลอดเส้น ตั้งแต่ สะพานบรูคลิน ฟังเพลงประสานเสียงที่ ไทม์แสควร์ และเดินเล่นรอบเมืองที่ประดับประดาด้วยแสงสี สัญลักษณ์แห่งเทศกาลคริสต์มาส
5. Amsterdam, Netherlands
อัมสเตอร์ดัม ศูนย์รวมแห่งร้านกาแฟชื่อดัง คลาสสิกด้วยตรอกแคบและคลองอันแปลกตาผสานกันเป็นบรรยากาศแบบ city of angels ไฟคริสต์มาสสว่างไสวทั่วเมือง ทุกมุมถนนถูกจับจองพื้นที่ด้วยชนทุกวัย นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ ซานตาคลอสต้นแบบ ซึ่งเป็นนักบุญแห่งฮอลแลนด์ และใครอยากจะขอพรให้สมประสงค์ แนะนำให้มุ่งตรงไปที่ พิพิธภัณฑ์ Amstelkring หรือ โบสถ์แห่งความลับ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่าน Red Light
6. Edinburgh, Scotland
ใครเป็นประเภทชอบย้อนยุค แนะนำให้ฉลองคริสต์มาสที่ เอดินบะระ เพื่อเบิกเนตรสู่ยุคกลาง ยุคแห่งประเพณีและวัฒนธรรมการเป่าปี่ ขับขานเพลงคริสต์มาสแบบดั้งเดิม เพลิดเพลินกับเทศกาลอันหลากหลาย การแสดงประสานเสียง โชว์คาบาเร่ต์ ขบวนแห่ยานไวกิ้ง และตระการตากับพลุสุดอลังการ
7. Nuremberg, Germany
นูเรมเบิร์ก คือ เมืองคริสมาสต์หมายเลข 1 แห่งประเทศเยอรมนี ซึ่งทุกปีจะมีตลาดคริสต์มาส ที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นอบเชย เหล้าองุ่น อัลมอนด์คั่ว และไส้กรอกสูตรเฉพาะนูเรมเบิร์ก ผู้คนจำนวนมากพากันออกมาจับจ่ายซื้อของ เพื่อเฉลิมฉลอง หรือใครไม่ชอบความพลุกพล่านก็สามารถหาความสงบได้ที่บ้าน Volfshera ซึ่งจะจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ของวันคริสต์มาส โดยแต่ละปีจะนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆ ให้เชื่อมโยงกับเทศกาลเฉลิมฉลอง
8. Prague, Czech Republic
ว่ากันว่าในช่วงที่อบอุ่นที่สุดของฤดูหนาว ปราก ก็ยังคงมีหิมะตก ดังนั้นจินตนาการได้เลยว่าในยามค่ำคืนของที่นี่แสงไฟจะตกกระทบกับสีขาวของหิมะ ให้ความสวยงามและหนาวเหน็บตลอดเส้น ซึ่งทุกแห่งหนจะมีเหล้าองุ่นขายเพื่อคลายอาการสั่นสยิว ผู้คนที่นี่นิยมประดับประดาต้นไม้ไว้ในถัง และร่วมกันบริจาคอุปกรณ์ตกแต่งให้กลายเป็น Bethlehem ดินแดนแห่งพระประสูติกาลขององค์พระเยซูคริสต์
9. Rome, Italy
อิตาลี เป็นประเทศที่คุ้นเคยกับหิมะกันแทบทุกฤดูกาล ดังนั้นสีสันแห่งคริสต์มาสจึงกลายเป็นความสวยงามของนานาต้นไม้ อย่าง ต้นส้ม ไซปรัส และปาล์ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนกรุงโรมไม่ตื่นเต้นกับหิมะ แต่ครึกครื้นกับสีสันพันธุ์ไม้เพื่อเฉลิมฉลองวันสุดพิเศษ ทั่วเมืองจะอบอวลด้วยเทศกาลขนมอันหลากหลาย ต้นคริสต์มาสยักษ์แห่งใจกลางเมืองที่จะมอบให้นครรัฐวาติกันนั้นก็ได้รับของขวัญประดับประดาจากนานาประเทศ
-->