ความสำคัญของวันคริสต์มาส

วันคริสต์มาส เป็นวันที่มีความสำคัญวันหนึ่งในศาสนาคริสต์ มิได้เป็นวันสำคัญฝ่ายร่างกาย หรือจัดงานสังสรรค์รื่นเริงซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอกของการเฉลิมฉลองคริสต์มาสเท่านั้น แต่แก่นแท้ของวันคริสต์มาสอยู่ที่ความรักของพระเจ้าที่มีต่อโลกมนุษย์ หมายถึง พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากเสียจนยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีเนื้อหนังมังสา นามว่า เยซู นับว่าการที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ นั่นก็เพื่อช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการเป็นทาสของความชั่วและบาปต่างๆ ฉะนั้นความสำคัญของวันคริสต์มาสจึงอยู่ที่การเฉลิมฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อโลกมนุษย์อย่างเป็นจริงเป็นจัง และได้เห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ที่มาเกิดเป็นมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

การเฉลิมฉลองในวันคริสต์มาส

วันคริสต์มาส เป็นเทศกาลหลักและวันหยุดราชการในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่มิใช่คริสต์ศาสนิกชนอีกด้วย ในบางประเทศที่ไม่ได้เป็นคริสต์ ประเทศเหล่านี้ได้มีการรับเอาเทศกาลคริสต์มาสเข้ามาระหว่างที่ถูกปกครองเป็นอาณานิคม อย่าง ฮ่องกง ส่วนในประเทศอื่นประชากรก็ค่อยๆ รับเอาการเฉลิมฉลองของคริสต์ศาสนิกชนกลุ่มน้อย หรืออิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างประเทศมาหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ก็กลายเป็นประเทศที่เทศกาลคริสต์มาสได้รับความนิยม ถึงแม้ว่าจะมีคริสต์ศาสนิกชนน้อย แต่ก็ได้รับเอาคริสต์มาสส่วนที่เป็นฆราวาสมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การให้ของขวัญ การประดับตกแต่ง รวมถึงต้นคริสต์มาส นอกจากนั้นก็ยังมีประเทศที่ไม่ได้กำหนดให้วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการ อาทิ สาธารณะรัฐประชาชนจีน ยกเว้น ฮ่องกง และมาเก๊า ญี่ปุ่น อัลจีเรีย ไทย เนปาล อิหร่าน ตุรกี และเกาหลีเหนือ เป็นต้น การเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาสอาจมีรูปแบบที่แตกต่างกันทั่วโลกซึ่งสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชาติได้อย่างชัดเจนมาก

ในกลุ่มประเทศที่มีประเพณีแบบคริสต์มั่นคง การเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาสก็ได้รับการปรับปรุงจนกระทั่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในแต่ละถิ่น แต่ละภูมิภาค สำหรับคริสต์ศาสนิกชนแล้ว การเข้าร่วมศาสนพิธีถือเป็นส่วนสำคัญในการยอมรับเทศกาลดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาส เทศกาลอีสเตอร์ ก็เป็นช่วงที่มีผู้คนเข้าโบถส์มากที่สุดในแต่ละปี ส่วนในประเทศคาทอลิก ประชากรจะจัดการเดินขบวนทางศาสนา หรือขบวนแห่ก่อนคริสต์มาส และในประเทศอื่นๆ ก็ได้มีการจัดการเดินขบวนฆราวาส หรือขบวนแห่ที่นำเอาซานตาคลอส และบุคคลสัญลักษณ์ของเทศกาลอื่นๆ ที่มักจัดขึ้นบ่อยครั้งมานำเสนอ อีกทั้งการรวมญาตและการแลกของขวัญก็ได้กลายมาเป็นลักษณะเด่นของเทศกาลอย่างกว้างขวาง ประเทศส่วนใหญ่มีประเพณีการให้ของขวัญ ส่วนวันอื่นที่มีการแลกของขวัญ ได้แก่ วันนักบุญนิโคลัส ตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม และการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ตรงกับวันที่ 6 มกราคม

ซานตาคลอส

ตัวจริงของซานตาคลอส คือ นักบุญนิโคลัส เป็นบาทหลวงชาวตุรกีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความใจดี โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมา ท่านเป็นรู้จักอย่างกว้างขวางทั่วทั้งฮอลแลนด์ในชื่อ ซินเตอร์คลาส ในช่วงราว ค.ศ. 1870 ชาวอเมริกันได้เรียกชื่อผิดเพี้ยนไปเป็น ซานตาคลอส ตั้งแรกจนถึง ค.ศ. 1890 ภาพของซานตาคลอสเป็นชายร่างผอมสูงสวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง ต่อมา เจนนี ไนสตรอม ศิลปินชาวสวีเดน ได้เป็นผู้คิดค้นรูปลักษณ์ของซานตาครอสในแบบที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน โดยเธอวาดภาพลงในบัตรอวยพระคริสต์มาส จากนั้นภาพนี้ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เมื่อชาวสวีเดนอีกคนที่ชื่อ แฮดดอน ซันด์บลอม นำภาพวาดของไนสตรอมสวมชุดขาว

-->