คริสมาสต์อีฟ ตำนานความเชื่อในคืนก่อนถึงวันคริสมาสต์
ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เด็กๆ จะเอาถุงเท้าไปแขวนไว้หน้าเตาผิง เพราะเชื่อว่าซานต้าจะปีนลงมาตามปล่องไฟ และเอาของขวัญใส่ไว้ในถุงเท้าที่มีชื่อของแต่ละคนติดไว้ พอตอนเช้า เด็กๆ จะรีบตื่นมาตรวจถุงเท้าของตัวเองว่ามีของขวัญจากซานต้าหรือไม่
ต้นกำเนิดความคิดนี้ มาจากตำนานหนึ่งของนักบุญนิโคลัส กล่าวกันว่าท่านมีน้องสาวสามคน อาศัยอยู่นอกเมืองในชนบท (บ้างก็ว่าหญิงสาวสามคนนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน) หญิงสาวทั้งสามยากจนมากจนคิดขายตัว พอนักบุญนิโคลัสทราบข่าวจึงคิดช่วยเหลือ คืนหนึ่งก่อนวันคริสต์มาสท่านจึงเดินทางกลับไปที่บ้าน และแอบหย่อนเหรียญทองสามเหรียญลงไปในรูที่มีไว้ระบายควันจากเตาไฟ ปรากฏว่าเหรียญทั้งสามไม่ได้ตกลงไปหน้าเตาไฟ แต่กลับกลิ้งเข้าไปในถุงเท้าที่พวกเธอแขวนตากไว้ที่หน้าเตาไฟ สาวทั้งสามต่างดีใจเมื่อพบเหรียญทองซึ่งทำให้เธอไม่ต้องไปเป็นโสเภณี
เสียงระฆังที่ถูกดังขึ้นในตอนเช้าของวันคริสต์มาสนั้นถือเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการกำเนิดของพระเยซู ตามตำนานได้เล่าไว้ว่าเสียงระฆังได้ดังอยู่นานนับชั่วโมงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาสอีฟ การตีระฆังดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อลดพลังความมืดก่อนที่ผู้ช่วยในการไถ่บาปจะถือกำเนิดขึ้น และในเวลาเที่ยงคืน เสียงกึกก้องของระฆังได้เปลี่ยนมาเป็นเสียงแห่งความสุข
เสียงของระฆังนั้นยังมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะตีระฆังเพื่อประกาศให้รู้ถึงการจากไปของผู้ที่ล่วงลับ ยังถือเป็นการบอกถึงการตายของปิศาจ (devil) ที่ถูกพาขึ้นมาโดยการกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้า ระฆังของโบสถ์ยังรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ
-->