วันคริสต์มาสทั้งที มาทำความรู้จักกับ 5 สัญลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ในวันคริสต์มาสกันเถอะ
1. ต้นคริสต์มาส
คริสต์มาส ที่นำเอาต้นสน มาประดับประดา ย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก
2. ถุงเท้า
จากนิทานที่เล่ากันว่ามีนักบุญชื่อนิโคลัสได้พบกับพี่น้องสามสาว ซึ่งพวกเธอได้พักอยู่นอกเมืองและมีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างยากจน นักบุญนิโคลัสเกิดความคิดที่จะช่วยให้พวกเขาสามพี่น้องหลุดพ้นจากความเป็นไปได้ที่ 3 สาวพี่น้องจะต้องไปเป็นโสเภณี คืนนั้นนักบุญนิโคลาสก็ได้ปล่อยทองสามก้อนลงไปในปล่องไฟของบ้านของพวกเธอ ซึ่งเหรียญนั้นไม่ได้ตกลงไปบนพื้นเตาอย่างที่เขาคิดไว้แต่กลับตกลงไปในถุงเท้าของพวกเธอที่แขวนไว้ข้างหน้าเตาผิงเพื่อที่จะให้ถุงเท้านั้นแห้ง ในตอนเช้าของวันต่อมาพวกเธอทั้งสามคนได้พบเหรียญอยู่ในถุงเท้าจึงเกิดความปิติยินดีมาก ต่อมาก็มีผู้คนมากมายแขวนถุงเท้าคริสต์มาสไว้ โดยหวังว่าจะได้รับของขวัญในลักษณะเดียวกันบ้าง
3. ปล่องไฟ
เหตุผลที่ซานตาคลอสที่ลงมาตามปล่องไฟนั้นต้องย้อนกลับไปถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่ผู้คนในสมัยนั้นยังอาศัยอยู่ในใต้ดิน ซึ่งแต่ละบ้านจะมีรูควันเป็นทางเข้าออกจากบ้าน หลังจากนั้นไม่นาน รูควันนั้นก็ได้ถูกแทนที่ด้วยปล่องไฟ จึงทำให้ซานตาคลอสต้องเข้าออกทางปล่องไฟด้วย
4. ระฆังวันคริสต์มาส
ระฆังวันคริสต์มาส เสียงระฆังที่ถูกดังขึ้นในตอนเช้าของวันคริสต์มาสนั้นถือเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการกำเนิดของพระเยซู ตามตำนานได้เล่าไว้ว่าเสียงระฆังได้ดังอยู่นานนับชั่วโมงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาสอีฟ การตีระฆังดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อลดพลังความมืดก่อนที่ผู้ช่วยในการไถ่บาปจะถือกำเนิดขึ้น และในเวลาเที่ยงคืน เสียงกึกก้องของระฆังได้เปลี่ยนมาเป็นเสียงแห่งความสุข
เสียงของระฆังนั้นยังมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะตีระฆังเพื่อประกาศให้รู้ถึงการจากไปของผู้ที่ล่วงลับ ยังถือเป็นการบอกถึงการตายของปิศาจ (devil) ที่ถูกพาขึ้นมาโดยการกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้า ระฆังของโบสถ์ยังรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ ‘the Old Lad’s Passing bell’ ซึ่ง Old Lad คือคำสุภาพที่ใช้เรียกซาตาน เมื่อเสียงระฆังดังนั้นยังถือเป็นการขับไล่ภูตผีวิญญาณร้ายที่จะหนีให้ห่างจากเสียงทุกเสียง
5. The Christmas Wreath
เป็นประเพณีที่นิยมกระทำกันในช่วงเทศกาลที่มีความสำคัญ รวมถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาสด้วย พวงมาลัยคริสต์มาสนั้นถูกร้อยด้วยโบสีแดงซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรื่นเริง ในขณะที่ใบไม้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เป็นนิรันดร์ซึ่งจะแสดงถึงความมีศรัทธาต่อวันประสูติของพระเยซู รูปร่างวงกลมของพวงมาลัยเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงมงกุฏหนามที่อยู่บนศีรษะของพระเยซู การแขวนพวงมาลัยไว้ที่หน้าประตูบ้าน
จุดประสงค์อีกอย่างของพวงมาลัยคริสต์มาสในส่วนที่เป็นสีเขียวนั้น ได้ถูกเชื่อว่าจะสามารถช่วยป้องกันบ้านเรือนจากพวกพลังอันชั่วร้ายได้ ซึ่งช่วงเวลานี้มักถูกคิดว่าเป็นช่วงที่พลังความชั่วร้ายมีมากที่สุดในรอบปี ในช่วงยุคกลางผลสีแดงของต้นฮอลลี่ได้ถูกเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่คอยขับไล่พวกแม่มดให้ออกไปจากบ้าน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้นฮอลลี่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล และนำความโชคดีมาให้กับผู้ที่จัดทำพวงมาลัย