5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

สวัสดีทุกคนนน ช่วงวันคริสต์มาสแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ตกแต่งต้นคริสต์มาสในบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยไฟสวย ๆ และเอนจอยไลฟ์กับอากาศชิลล์ ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าเทศกาลคริสต์มาสเองก็มีสิ่งที่ถูกทำต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นประเพณีประจำวันคริสต์มาสไปแล้ว! วันนี้เราจะพาไปดูกันว่ามีประเพณีวันคริสมาสอะไรบ้าง และประเพณีคริสต์มาสเหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะอะไร ตามมาเล้ยยย

ต้องบอกก่อนว่าวันคริสต์มาสเนี่ย เป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองวันเกิดของจีซัส (Jesus) หรือพระเยซูเจ้า ที่เชื่อกันว่าเป็นลูกชายของพระเจ้านั่นเอง ถือว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์เลยแหละ ในต่างประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาคริสต์เยอะ ๆ ก็จะถือว่าตั้งแต่ช่วงวันคริสต์มาสอีฟไปจนถึงปีใหม่ จะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ต้องหยุดงาน เพื่อให้ชาวคริสต์ได้กลับไปใช้ชีวิต พบปะ สังสรรค์และได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวของพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญแห่งปีแบบนี้ และแน่นอนว่าวันคริสต์มาสก็ทำให้เกิดประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติเยอะแยะมากมาย อย่างการห้อยถุงเท้า, การกินพาย และการแลกของขวัญ แต่ละสิ่งมีความสำคัญอย่างไร ไปดูกันดีกว่า

1. ห้อยถุงเท้ายาวไว้หน้าเตาผิง

5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

เมื่อถึงเวลาของวันคริสต์มาสอีฟ ประเพณีวันคริสมาสที่เด็ก ๆ มักจะทำเสมอก็คือการนำถุงเท้ายาวไปห้อยไว้ที่หน้าเตาผิง หรือที่ต้นคริสต์มาส เพราะเชื่อกันว่าซานตาครอสจะนำของขวัญที่อยากได้มาใส่ไว้ในถุงเท้าเหล่านี้นั่นเอง

แต่ในความเป็นจริงแล้วประเพณีวันคริสมาสนี้เกิดขึ้นจากประเพณีเก่าแก่อย่างหนึ่งนั่นคือ การวางหญ้าแห้งไว้ในรองเท้าในคืนวันที่ 5 ธันวาคม เพราะเชื่อว่าหากนักบุญนิโคลัสผ่านมา หญ้าแห้งที่พวกเขาทิ้งไว้ก็จะกลายเป็นอาหารของลาที่ท่านใช้ในการสัญจร และนักบุญนิโคลัสก็จะทิ้งเหรียญเงินเอาไว้ให้ในรองเท้าเป็นการตอบแทน และมีเรื่องเล่าว่าบ้านหลังหนึ่งมีหญิงสาวสามคนเป็นพี่น้องกันและยากจนมาก นักบุญนิโคลัสก็ทิ้งเหรียญทองไว้ให้ คืนหนึ่งพวกเธอเอาถุงเท้าทีม่ีเหรียญทองไปตากให้แห้งตรงปล่องไฟ เมื่อซาตาครอสเข้ามาจึงทิ้งเหรียญทองไว้ให้มากมาย

หลังจากนั้นมาเด็ก ๆ จึงห้อยถุงเท้ายาวไว้ที่เตาผิงไฟ เพราะหวังว่าหากซานตาครอสผ่านมา อาจจะแบ่งเหรียญทองไว้ให้บ้างก็ได้!

2. ตกแต่งต้นคริสต์มาส

5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

แน่นอนว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ใคร ๆ โปรดปรานในช่วงวันคริสต์มาสก็คือการที่ได้ตกแต่งต้นคริสต์มาสเพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับเทศกาลแห่งความสุขแบบนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าการตกแต่งต้นคริสต์มาสไม่ได้มีมาตั้งแต่แรกนะ แต่เพิ่งเข้ามาเป็นกระแสที่ประเทศอังกฤษในช่วงปีค.ศ. 1841 หรือประมาณ 177 ปีที่ผ่านมานี่เอง!

จุดเริ่มต้นของประเพณีวันคริสต์มาสอย่างการนำต้น Evergreen มาไว้ในบ้านและตกแต่งด้วยของตกแต่งต่าง ๆ นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศเยอรมันนี โดยคนที่มีชื่อว่า “Martin Luther” ในตอนที่เขาเดินกลับบ้านเขาหันไปมองเห็นความสวยงามของแสงจันทร์ที่ทะลุกิ่งไม้เข้ามาวิบ ๆ วับ ๆ พอถึงบ้านเขาก็เลยออกไปตัดต้นไม้ต้นเล็ก ๆ เข้ามาในบ้านและนำพวกเทียนไขมาประดับไว้ เพื่อจำลองความสวยงามในแบบที่เขาเห็นนั่นเอง และนั่นก็ทำให้ประเพณีวันคริสต์มาสนี้แพร่หลายไปจนทั่วประเทศเยอรมันนี จนกระทั่งชาชวงศ์อังกฤษนำการตกแต่งต้นไม้แบบนี้เข้ามาใช้อย่างจริงจัง จึงทำให้คนทั่วโลกหันมาตกแต่งต้นคริสต์มาสกันมากขึ้น

เจ้าพวกลูกบอลสีแดง ๆ ที่เราชอบนำมาตกแต่งต้นคริสต์มาสกันก็มีที่มานะ เมื่อก่อนนี้เขาจะใช้ลูกแอปเปิ้ลมาใช้ในการตกแต่ง เชื่อกันว่ามันสื่อถึงผลแอปเปิ้ลในสวนเอเดนนั่นเอง ส่วนพวกของประดับอื่น ๆ ก็ทำตามกันมาจากราชวงศ์อังกฤษที่ใช้แก้วสีต่าง ๆ มาประดับนั่นเอง 

ปัจจุบันไม่ว่าจะบ้านไหน ๆ ก็มีต้นคริสต์มาสกันทั้งนั้น ไม่คิดเลยว่าจุดเริ่มต้นของการตกแต่งต้นคริสต์มาสเหล่านี้จะมาจากแค่เพียงการเดินผ่านกิ่งไม้ในช่วงกลางคืนเท่านั้น ว่าแล้วก็อยากออกไปเดินดูไฟต้นคริสต์มาสตามจุดต่าง ๆ เลยนะเนี่ย

3. กินพายในวันคริสต์มาส

5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

อีกหนึ่งประเพณีวันคริสต์มาสที่ทุกบ้านต้องทำก็คือการกินพายนั่นเอง พายถือว่าเป็นอาหารที่ทำแล้วกินกันได้หลายคน เหมาะกับการทำกินกันเป็นครอบครัว แถมยังใช้เวลาทำพอสมควร ถือว่าเป็นอาหารที่ทำให้คนในครอบครัวได้ช่วยกันเตรียมและช่วยกันทำจริง ๆ

ปัจจุบันนี้พายที่เรากินกันในวันคริสต์มาสก็มีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นพายเนื้อสัตว์ หรือพายผลไม้ แต่ต้องบอกตรงนี้ว่าสมัยก่อนนั้นพายเป็นอาหารที่ทำยากมาก และมีส่วนผสมเยอะมากๆ ๆ  ต้องมีทั้งเนื้อนกพิราบ เนื้อกระต่าย นกกระทา และไก่ฟ้า รวมไปถึงผลไม้แห้งและเครื่องเทศอื่น ๆ อีกด้วย แถมยังมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจตุรัสเพราะเชื่อกันว่ามันดูเหมือนกับเปลของพระเยซูนั่นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนทำกันมาตั้งแต่สมัยก่อนจนปัจจุบันก็คือเวลาที่เราไปบ้านใครในช่วงคริสต์มาส พวกเขาก็จะแบ่งพายให้กับเราเพื่อเป็นการอวยพรให้เรามีโชคที่ดีในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วยนะ

4. ใบมิสเซิลโทและฮอลลี

5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่าอีกหนึ่งของตกแต่งบ้านที่ทุกบ้านมีในช่วงวันคริสต์มาสก็คือเจ้าพวงกลม ๆ สีเขียวชะอุ่ม ที่ประกอบไปด้วยใบมิสเซิลโท ฮอลลี และกระดิ่ง ที่ติดไว้ตรงหน้าต่าง หรือประตูบ้าน ใครสงสัยบ้างว่ามีไว้ทำอะไร มาจากไหน? เราจะบอกให้

จริง ๆ แล้วการห้อยมิสเซิลโทและฮอลลีไว้หน้าบ้าน (พวกพวงคริสต์มาสนั่นแหละ) มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของขาวเคลท (Celtic) นั่นเอง เพราะในทุก ๆ หน้าหนาว จะมีหนึ่งคืนที่กลางคืนยาวกว่ากลางวัน หรือปรากฏการที่เรียกว่า “เหมายัน” นั่นเอง ทำให้ชาวเคลทนำมิสเซิลโทที่สื่อถึงการมีชีวิต และฮอลลีที่สื่อถึงการปกป้องคุ้มครองมาห้อยไว้หน้าประตูบ้านเพราะเชื่อว่าจะทำให้สามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้น ถูกทำมาต่อ ๆ กันจนกลายเป็นอีกประเพณีวันคริสต์มาสไปแล้ว

5. จุ้บกันใต้มิสเซิลโท

5 ประเพณีวันคริสต์มาส และความจริงที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้

ไหน ๆ ใครเคยฟังเพลง “Mistletoe” ของจัสติน บีเบอร์บ้าง? ฟังแล้วก็น่าจะพอเข้าใจกันว่าถ้าได้จุ้บ ๆ กับใต้ต้นมิสเซิลโทแล้วจะมีความรักที่ยาวนานตลอดไป แต่ความจริงจะเป็นเพราะอะไรมาดูกัน

จริง ๆ แล้วมิสเซิลโทเป็นเพียงแค่พืชกาฝากด้วยซ้ำ ก็ไม่เข้าใจว่าจะไปจุ้บกันใต้ต้นมิสเซิลโทได้ยังไง แต่เขาว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของประเพณีวันคริสต์มาสนี้มาจากเหล่าคนรับใช้ในวังของพระราชวงศ์อังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 18 และก็แพร่หลายออกไปเรื่อย ๆ อีกส่วนก็ว่ากันว่าประเพณีวันคริสต์มาสโบราณถือว่าถ้ามีสาว ๆ ยืนอยู่ใต้มิสเซิลโทแล้วล่ะก็ หนุ่ม ๆ สามารถขโมยจุ้บให้รู้ว่ารักได้เลย ถ้าสาว ๆ เหล่านั้นไม่ยอม ก็จะมีแต่โชคร้ายตลอดปี

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนทั่วโลกพูดกันว่าถ้าจุ้บกันใต้มิสเซิลโทแล้วจะโชคดี รักกันไปนานแสนนานเลยก็ได้นะ

อ่านความเป็นมาที่แท้จริงของเหล่าประเพณีวันคริสต์มาสแล้วก็คิดไม่ถึงเลยเนอะว่าจะมีที่มาที่ไปแบบนี้ บางอย่างที่เราคิดว่าน่าจะมีมาตั้งแต่แรก ก็กลับเพิ่งมามีเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี่เอง บางอย่างก็ทำให้เรารู้สึกขอบคุณที่มีการทำต่อกันมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นประเพณีวันคริสต์มาสให้เราได้เฉลิมฉลองกันจนถึงทุกวันนี้ และยังทำให้เป็นช่วงเวลาโปรดของใครหลาย ๆ คนอีกด้วยเนอะ!

-->