3 มุมมองความเชื่อที่คนเกาหลีมีต่อเทศกาลคริสต์มาส

สวัสดีค่ะน้องๆ นักอ่านในเว็บเด็กดีทุกคน ^^ เริ่มเข้าสู่เดือนธันวาคมอย่างนี้พี่หวานก็ไม่พลาดที่จะหาเรื่องน่าสนใจเกี่ยกับเทศกาลต่างๆ ที่ต่อคิวในเดือนนี้มาฝาก อีกไม่นานเทศกาลคริสต์มาสก็จะมาถึง นี่เป็นเทศกาลที่พี่หวานชอบมากๆ เลยค่ะ ในตอนเเรกคิดว่าจะนำเสนอเทศกาลคริสต์มาสของหลายๆ ประเทศเเต่คงดูจำเจเกินไป ก็เลยเลือกเจาะจงที่เทศกาลคริสต์มาสของเกาหลีไปเลยค่ะ เพราะพี่หวานเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องราวเเละได้เรียนรู้ความเชื่อของคนเกาหลีมาบ้าง วันนี้ก็เลยอยากจะลองเขียนเรื่อง รวมมุมมองความเชื่อที่คนเกาหลีมีต่อเทศกาลคริสต์มาส

ก่อนอื่นต้องเกริ่นเลยว่าสาเหตุที่เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลที่คนเกาหลีให้ความสำคัญอาจจะเป็นผลมาจากการที่ประเทศเกาหลีมีคนนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุด จึงเล็งเห็นความสำคัญในวันประสูติของพระเยซูเเละมีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ตามมาด้วย เเน่นอนว่าแทบทุกประเทศทั่วโลกรับรู้ถึงที่มาของวันคริสต์มาสเเละมีความเชื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เเต่ถึงอย่างนั้นเเล้วก็ใช่ว่าคนเกาหลีจะไม่มีความคิดความเชื่อในเเบบของตัวเองนะคะ วันนี้พี่หวานก็เลยสรุปความคิดความเชื่อของคนเกาหลีที่มีต่อเทศกาลคริสต์มาสมาให้แล้วค่ะ

(รูปภาพจาก : http://saik.kr/1181)

สมัยก่อนคนเกาหลีจะไม่ออกจากบ้านในวันคริสต์มาส 

สำหรับข้อเเรกก็คงสร้างความแปลกใจให้หลายคนได้เเล้วใช่มั้ยคะ เพราะปัจจุบันเทศกาลคริสต์มาสของเกาหลีก็ติดอันดับเป็นที่พูดถึงอยู่บ้างในเรื่องของบรรยากาศที่สวยงามน่าไปท่องเที่ยว ประดับด้วยแสงไฟสว่างไสว รวมไปถึงการเปิดเพลงประจำวันคริสต์มาส ที่ทำให้บ้านเมืองไม่เงียบเหงาด้วย เเต่เมื่อลองหาข้อมูลพี่หวานก็ได้พบว่าในสมัยก่อนเมื่อนานมาเเล้วมากๆๆ เรียกได้ว่ายังเป็นเกาหลียุคเก่าอยู่เลยค่ะ คนเกาหลีไม่ได้มีการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสกันใหญ่โตอย่างนี้ ทุกถนนหนทางจะมีเเต่ความเงียบเชียบผู้คนจะอยู่ฉลองเเละระลึกถึงพระเยซูในบ้านของตนเอง เเต่ต่อมาเมื่อยุคสมัยเริ่มเปลี่ยน ความเจริญของวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามามีอิทธิพล คนเกาหลีจึงตระหนักว่าวันคริสต์มาสนั้นมีเเค่วันเดียวไม่ควรที่จะระลึกถึงพระเยซูอยู่เงียบๆ ในบ้านของตนเองเท่านั้น จึงเริ่มมีการรวมตัวพบปะผู้คนฉลองกันอย่างรื่นเริงเเละที่สำคัญก็คือผู้คนนำวัฒนธรรมการดื่มเพื่อเฉลิมฉลองมาใช้ในวันคริสต์มาสนี้ด้วย เเละหลังจากนั้นมาคนเกาหลีก็เริ่มให้ความสำคัญเเละยกให้วันคริสต์มาสเป็นอีกวันหนึ่งในปฏิทินที่สำคัญไปโดยปริยาย

เเต่สำหรับเรื่องที่สมัยก่อนคนเกาหลีไม่ออกจากบ้านตามเทศกาลนี่พี่หวานไม่แปลกใจเลยค่ะ เพราะเห็นอยู่บ่อยๆ ว่าเวลามีเทศกาลสำคัญเช่นวันหยุดต่างๆ ร้านค้าเเทบทั้งหมดก็จะปิดเพื่อฉลองเเละพักผ่อน อย่างวันชูซอกนั่นเงียบกันทั้งเมืองจริงๆ ค่ะ ใครไปเที่ยวช่วงนั้นต้องฝากท้องไว้ที่มินิมาร์ทกันเลยทีเดียว

ถ้าคบกันตั้งเเต่วันที่ 17 กันยายน จะมาครบ 100 วันในวันคริสต์มาสพอดี

เป็นอีกข้อที่เหมือนจะดูไม่มีอะไร เเต่บอกเลยค่ะว่าเกาหลีเป็นประเทศเเห่งคู่รักที่ให้ความสำคัญอย่างมากในการนับวันเเละจดจำวันครบรอบต่างๆ ไม่ใช่เเค่ผู้หญิงเท่านั้นเเต่เหล่าคุณผู้ชายก็ให้ความสำคัญกับวันเหล่านี้ด้วยเช่นกัน(เพราะถ้าไม่สนใจคงโดนแฟนงอนเอาได้) พี่หวานจึงเห็นว่าคนเกาหลีนับเอาวันที่ 17 กันยายนเป็นวันบอกรักเเละตกลงคบกัน เพื่อที่จะเริ่มนับ 1 เเละมาครบรอบ 100 วันในวันคริสต์มาส ส่วนความสำคัญของการฉลองครบรอบ 100 วัน นั้นมีหลายเรื่องค่ะ เเต่เรื่องที่เป็นที่รู้จักเเละพี่หวานได้เรียนมาก็คือตำนานหมีกลายเป็นคน เรื่องราวคร่าวๆ คือมีตำนานเล่าถึงหมีกับเสือที่ต้องการกลายเป็นคน ซึ่งเงื่อนไขที่ได้รับจากเทพบอกไว้ว่า ต้องจำศีลอยู่ในถ้ำเเละกินเเต่ผักกับกระเทียมเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน ถ้าอดทนได้ก็จะสามารถกลายเป็นคนได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งเรื่องราวก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ตามสัญชาตญาณของเสือที่เป็นสัตว์กินเนื้อทำให้ไม่สามารถอดทนได้ ฝ่ายหมีนั้นตั้งใจเเน่วเเน่ที่จะกลายเป็นคนจึงนับวันรอให้ครบ 100 วัน เเละในที่สุดก็ทำได้

เพราะอย่างนี้คนเกาหลีจึงมีความเชื่อที่ว่าเมื่อครบ 100 วันเเล้ว อะไรที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ก็สามารถเกิดขึ้น ขนาดหมียังกลายเป็นคนได้เพราะอย่างนั้นคู่รักที่คบกันมาถึง 100 วันก็จะสามารถฝ่าฟันทุกอย่างไปได้ เมื่อได้ฉลองเทศกาลคริสมาสต์แรกของการคบกันด้วยกันอีกจะยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อว่าความรักจะสวยงามสดใสอีกด้วยค่ะ 

ความสำคัญของการครบรอบ 100 วันที่คนเกาหลีนับนั้นไม่ใช่เเค่เรื่องของความสัมพันธ์เท่านั้นนะคะ เเต่ถ้าใครที่คลอดลูกเเล้วเด็กมีอายุถึง 100 วันก็จะมีการเฉลิมฉลองเช่นกัน ด้วยมีความเชื่อที่คิดว่าหากสามารถมีชีวิตรอดถึงร้อยวันได้ก็จะมีการเติบโตที่เเข็ง ในวันนี้พ่อเเม่จะฉลองให้ลูกมีญาติๆ มารวมตัวมากมาย เเละให้เด็กสุ่มหยิบสิ่งของเพื่อทำนายอนาคตค่ะ เช่น ในถาดหนึ่งจะมีอุปกรณ์จากหลากหลายอาชีพ ถ้าลูกหยิบลูกบอลเล็กๆ ก็อาจทายได้ว่าอนาคตเด็กน่าจะมีโอกาสเป็นนักกีฬาค่ะ หรือถ้าหยิบไมโครโฟนก็อาจจะชอบการร้องเพลง เป็นต้น เห็นมั้ยคะว่าความสำคัญของการครบรอบ 100 วันที่คนเกาหลีเขายึดถือนั้นไม่ได้มีขึ้นขำๆ เเน่นอน

เเท้จริงแล้วคริสต์มาสคือเทศกาลเเห่งธุรกิจ

สำหรับข้อนี้จะสืบเนื่องจากข้อข้างบนด้วยนิดหน่อย พี่หวานได้รับข้อมูลมาจากพี่คนรู้จักชาวเกาหลีที่มาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจช่วงคริสต์มาส ต้องบอกเลยว่าถึงเเม้คนเกาหลีจะมีเทศกาลอื่นๆ เป็นเทศกาลที่สำคัญอีกมากมาย เเต่อย่างที่รู้กันภายหลังมานี้วันคริสต์มาสได้ถูกจัดให้เป็นอีกวันสำคัญอย่างมากวันหนึ่งที่คนเกาหลีจะต้องมีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ในเทศกาลนี้มีอัตราการซื้อของขวัญสูงมากกกกก ผู้คนนิยมมอบของขวัญให้กันในวันนี้มากกว่าจะไปมอบในวันปีใหม่ที่ถือเป็นวันซอลลัล(설날) ที่คนจะนิยมทำพิธีระลึกถึงบรรพบุรุษ จึงถือว่าเทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตมาก เเน่นอนว่าราคาของขวัญช่วงนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เราจึงจะได้เห็นบรรดาห้างสรรพสินค้ามีโปรโมชั่นและมีช่วง sale (ที่ไม่ค่อยเซลล์) ออกมามากมาย 

พี่หวานก็เลยลองไปถามเพื่อนๆ ชาวเกาหลีกลุ่มอื่นที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ว่าทำไมเทศกาลคริสต์มาสถึงเป็นเทศกาลเเห่งธุรกิจ เเละเพราะอะไรคนถึงนิยมซื้อของขวัญให้กันในช่วงนี้มากกว่าวันปีใหม่ คำตอบส่วนมากที่เพื่อนๆ ตอบกลับมาจะโยงเข้ากลุ่มคนที่มีแฟนเป็นหลักเลยค่ะ(คนเกาหลีที่มีแฟนกันทุกคนเป็นเรื่องปกตินะคะ เเต่ใครที่ยังไม่มีเเฟนต่างหากจะถูกมองว่าแปลก) เเละคำตอบเกือบ 90% ก็บอกว่าเพราะเป็นวันที่คบกันมา 100 วันเเล้วพวกเขาเชื่อว่าเราควรมีสิ่งของเเทนใจ เเทนความรักให้กันไว้ เพื่อจะเป็นกำลังใจเเละเหมือนของดูต่างหน้าว่าเราสามารถสร้างความสัมพันธ์และผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกันได้ตั้งหนึ่งร้อยวันเเล้วนะ ของขวัญที่มอบในวันนี้จึงค่อนข้างพิเศษเเละมีราคาเพื่อให้สมกับความสำคัญของการคบกัน 100 วัน ลองคิดเล่นๆ ถ้าเเค่ในกรุงโซลมีคู่รัก 100 คู่ เเต่ละคนซื้อของขวัญให้กัน ก็จะมีเงินสะพัดเฉพาะค่าของขวัญในเทศกาลคริสต์มาสนี้มากเป็นสองเท่าจากปกติเลยทีเดียว

นอกเหนือไปจากเหตุผลที่คู่รักนิยมให้ของขวัญกันเเล้ว สาเหตุที่คริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งธุรกิจก็อย่างที่พี่หวานบอกไปข้างต้นว่านี่เป็นช่วงที่คนนิยมให้ของขวัญกันมากกว่าเทศกาลอื่น ในยุคโชซอนผู้คนเชื่อกันว่าวันคริสต์มาสเป็นวันที่พ่อแม่ต้องให้ของขวัญแก่ลูก กลับกันในสมัยนี้นอกจากซื้อของขวัญให้คนรักแล้วคนเกาหลีส่วนมากยังเตรียมของขวัญสำหรับมอบให้พ่อแม่หรือคนในครอบครัวด้วยค่ะ เท่าที่ได้คุยกับพี่ชาวเกาหลี บรรดาเพื่อนๆ ที่อ้างจากประสบการณ์จริง ก็ยังเจอบล็อกอีกหลายแห่งที่มักเขียนบอกว่าช่วงคริสต์มาสนี่แหละค่ะ ที่เงินจะออกกระเป๋ามากกว่าเทศกาลไหนๆ 

นี่ก็เป็นเเค่ความเชื่อที่เริ่มพบเห็นมากในสมัยนี้นะคะ พี่หวานเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนเกาหลีนิยมให้ของขวัญกันในเทศกาลคริสต์มาสมากกว่าเทศวันปีใหม่ เพราะอย่างประเทศไทยก็จะมีการให้ของขวัญหรือจับสลากแลกของขวัญเนื่องในโอกาสปีใหม่มากกว่าจะมอบให้กันในวันอื่นๆ อาจเพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติทำให้อิทธิพลเทศกาลต่างๆ จากศาสนาอื่นมีอิทธิพลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไว้พี่หวานเจออะไรเพิ่มเติมอีกจะมาเล่าให้ฟังในบทความต่อไปนะคะ แล้วพบกันค่ะ

-->